จำนวนครั้งที่เปิดดูสินค้า
: 371 | ความคิดเห็น:
0
Transfer Factor คืออะไร
ไม่ระบุราคา
Transfer Factor คืออะไร
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์" ( Transfer Factor ) คืออะไร
"ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ คือโปรตีนขนาดเล็ก ที่ " ส่งผ่าน" ความสามารถในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันจากผู้บริจาคที่มีภูมิคุ้มกันแล้วไปยังผู้รับซึ่งไม่มีภูมิคุ้มกัน"
วารสาร Molecular Medicine ฉบับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543)
(**โปรตีนขนาดเล็ก = กรดอะมิโนเพียง 44 ตัว และมีน้ำหนักแค่ 3,500-5,000 ดาลตัน (เล็กกว่าไวรัส100เท่า) จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในความโดดเด่นเฉพาะตัวของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ )
"ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ " นับเป็นการค้นพบเกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันอันน่าตื่นเต้นล่าสุดในทุกวันนี้ ขณะที่ศตวรรษที่ 21 เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น โมเลกุลขนาดเล็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับไปสู่การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ถ้าคุณสนใจติดตามเทคโนโลยีล่าสุดในการรักษาสุขภาพ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ควรจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารธรรมชาติอันดับต้น ๆ ของคุณในศตวรรษที่ 21 นี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมากมายพิจารณาว่าศักยภาพของสารนี้ เป็นการค้นพบอันน่าตื่นเต้นที่สุดทางด้านภูมิคุ้มกันและการป้องกันโรคล่าสุด กุญแจสำคัญของสุขภาพในอนาคตคือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการป้องกันภัยโดยภูมิคุ้มกันของเรา ก่อนที่เราจะทำอะไรอื่น เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายไปที่ภาวะภูมิคุ้มกันก่อน ดังนั้น ก่อนที่คุณจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อกระตุ้นสุขภาพของคุณ ขอให้เริ่มด้วยการส่งเสริมภูมิคุ้มกันก่อน ในบรรดาตัวสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ มีประสิทธิภาพตามความคาดหวังมากที่สุด
ความอ่อนแอของภูมิคุ้มกันได้กลายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นหลัก การใช้สารประกอบอย่าง ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยสำคัญ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ สามารถช่วยในการต่อสู้กับสภาวะดังต่อไปนี้
1. ภูมิคุ้มกันไวเกินไป (Overactive Immune Disorders)
2. โรคแพ้ภูมิตัวเอง/ภูมิเพี้ยน (Autoimmune Diseases)
3. ภูมิคุ้มกันต่ำเกินไป (Underactive Immune Disorders)
ภูมิคุ้มกันไวเกินไป
แพ้ภูมิตัวเอง / ภูมิเพี้ยน
ภูมิคุ้มกันต่ำเกินไป
• ภูมิแพ้
• กล้ามเนื้ออ่อนแรง (MS)
• อาการติดเชื้อ
• หอบหืด
• โรคเบาหวาน Type 1
• ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS, HIV)
• ลมพิษ
• เรื้อนกวาง/สะเก็ดเงิน (Psoriasis)
• ตับอักเสบชนิดบี, ซี
• ผิวแห้งบวม แดง
• SLE, LUPUS (โรคพุ่มพวง)
• มะเร็ง
• ผิวเป็นผื่นแดง และเจ็บแสบ
• รูมาตอยด์
• วัณโรค
• สะเก็ดเงิน
• ไซนัสอักเสบ
• โรคกระเพาะ, อักเสบในทางเดินอาหาร
• ปลายประสาทอักเสบ
• อ่อนเพลียเรื้อรัง
• ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
"ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์" ( Transfer Factor) กับข้อมูลสนับสนุนทางด้านวิทยาศาสตร์
นับจนถึงวันนี้ มีการตีพิมพ์กรณีศึกษาทางการแพทย์ และ รายงานการวิจัยเกี่ยวกับ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) มากกว่า 3,000 ชิ้น คะแนนจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกอันเป็นที่ยอมรับ และ ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ประสิทธิภาพ และ ความปลอดภัยของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา มีการประมาณการว่า มีการใช้งบประมาณไปกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการค้นคว้า วิจัย และ ศึกษาข้อมูลที่ได้ผลสรุปได้ว่า ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) ให้คุณประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันอย่างวิเศษสุด มีการบันทึกไว้เป็นเอกสาร และ การรับรองผลทางวิทยาศาสตร์ว่า ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแล รักษาสุขภาพในระดับโลกเลยทีเดียว (แหล่งที่มาของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ )
ความปลอดภัยของ"ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์" ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การเสริมอาหารด้วย ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) มีผลบันทึกความปลอดภัยอันยอดเยี่ยม ไม่มีผลข้างเคียงอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ที่มีรายงานออกมา แม้แต่การให้รับประทานในปริมาณสูงทั้งทางการรับประทานและทางการฉีดเป็นระยะเวลานาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ปลอดภัยสำหรับทุกคนตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้สูงอายุ
กลไกการทำงานของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์
กลไกการทำงานของ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด บ้างก็สันนิษฐานว่า ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ซึ่งเป็น single-stranded polynucleotide อาจเข้าไปใน T lymphocyte และให้ information แก่ T lymphocyte หรือ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ เอง อาจถูกนำไปสร้างเป็น specific antigen receptor บน lymphocyte ได้ โดยอาศัยหลักของการชักนำ (inducer fraction) การกระตุ้นและสร้าง antibody เฉพาะอย่าง (antigen specific fraction) และการระงับหรือยับยั้ง (suppressor fraction)
Transfer Factor ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้นำ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ (Transfer Factor ) มาใช้ประโยชน์หลายด้าน เนื่องจากทราบว่า ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ จะให้ความฉลาดกับภูมิคุ้มกันซึ่งถูกถ่ายทอดเพื่อจะใช้ในการจดจำข้อมูลจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง โดย ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ จะทำหน้าที่เสมือนอาจารย์ให้ความรู้กับเซลล์ใหม่ที่ผลิตขึ้นในร่างกาย เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพื่อการอยู่รอดของเซลล์ที่เกิดใหม่ในสภาพแวดล้อมใหม่ รวมทั้งทำให้การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันระหว่างเซลล์ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จึงได้มีการนำมาใช้ในกรณีของ
1. Immunodeficiency เพื่อช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยมีข้อดีคือ ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยา graft versus host ในผู้รับที่มี immunodeficiency ดังการให้ lymphocyte เนื่องจาก ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ( Transfer Factor) เป็นการให้ cellular immunity โดยแท้จริง ซึ่งผิดกับการให้ lymphocyte ที่มักจะมี B lymphocyte ปะปนไปกับ T lymphocyte เสมอ ทำให้ได้ humoral immunity ด้วย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการในการรักษา
2. ช่วยเพิ่มเซลล์ต้านมะเร็ง (anticancer)
3. ช่วยเพิ่มเซลล์ต้านเซลล์ติดเชื้อ (infections disease)ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อ bacteria, virus, เชื้อรา เช่น เป็นหวัด เจ็บคอ วัณโรค ตับอักเสบ เริม ไซนัส เป็นต้น
4. ช่วยปรับความสมดุลของภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV)
5. ช่วยลดอาการแพ้ภูมิตัวเอง เช่น SLE ข้ออักเสบและการอักเสบอื่นๆ
6. ช่วยลดอาการภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ขึ้นผื่น แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ
7. โรคผิวหนังบางชนิด ช่วยลดปัญหา เช่น Eczema เป็นต้น
ปัจจุบันนี้ ทรานสเฟอร์ แฟคเตอร์ ( Transfer Factor) นอกจากจะพบในน้ำนมแรกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแล้ว ยังสามารถพบในไข่แดงด้วย ซึ่งก็ได้มีการสกัดสาร ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยสกัดจากน้ำนมแรกหรือน้ำนมเหลือง ( colostrum) ของวัว และจากไข่แดง ของไข่ไก่ในรูปแบบของการใช้รับประทาน จึงเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์และโลกวิทยาการยุคใหม่ เพื่อใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ของมนุษย์ในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคติดเชื้อ , ภูมิแพ้, ภูมิต้านทานต่ำ, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคมะเร็ง เป็นต้น
...................................................................................................................
อ้างอิงจาก:
1. คู่มืออิมมูโนวิทยา คณะผู้เรียบเรียง สุทธิพันธ์ สาระสมบัติ วิบูลย์ศรี พิมลพันธุ์ สายสุนี วนดุรงค์วรรณ นภาธร บานชื่น บรรณาธิการโดย ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ หน้า 87-88
2. มะเร็ง การรักษาและการป้องกัน โดย รศ.พญ. สุพัตรา แสงรุจิ แผนกรังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
3. PDR for Nonprescription Drugs, Dietary Supplement, and Herbs 29 edition, 2008
4. รศ.นพ. เบญจะ เพชรคล้อย ความรู้พื้นฐานและการทดสอบอิมมูโนวิทยา (ปี 25)
5. ดร. สนิท มกรแก้วเกยูร ภูมิคุ้มกันระบบเซลล์และสารออกฤทธิ์ คู่มือภูมิคุ้มกันวิทยา รวบรวมโดย ศักดิ์ชัย เดชตรัยรัตน์ ภาควิชาภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2530
6. Sean C Sweetman, Martindale (Thirty-fifth edition), 2007
7. Rak, AV et al. Effectiveness of Transfer Factor (TF) in the Treatment of Osteomyelitis Patients. International Symposium in Moscow 2002, Nov. 5-7, 62-63
8. Granitor, VM et al. Usage of Transfer Factor Plus in Treatment of HIV Infected Patients, Russian Journal of HIV, AIDS and Related Problems 2002, 1, 79-80